อนันดา เอเวอริงแฮม (อังกฤษ: Ananda Everingham; เกิด 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2525) พระเอกลูกครึ่ง ออสเตรเลีย-ลาว เข้าวงการเมื่ออายุ 14 ปี โดยคำชักชวนของ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กับภาพยนตร์เรื่องแรก "อันดากับฟ้าใส" ร่วมแสดงกับนักแสดงชั้นนำ อย่างพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, สินจัย เปล่งพานิช และ "303 กลัว/กล้า/อาฆาต" จากนั้นได้หายหน้าจากวงการไปพักใหญ่ และได้กลับมาอีกครั้งกับละคร เรื่องทะเลฤๅอิ่ม ของหม่อมน้อย หลังจากนั้นก็มีผลงานการแสดงเรื่อยมา จนใน พ.ศ. 2547 อนันดาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผลงานบันเทิงยอดเยี่ยมประจำปี 2547 หรือ สตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2004 จากเรื่องชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ และจากภาพยนตร์เรื่อง Me Myself อนันดาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 6 สถาบัน ในช่วงระหว่างปี 2550 - 2551 อนันดามีผลงานการแสดงภาพยนตร์ถึง 10 เรื่อง และในปี พ.ศ. 2552 อนันดากวาดรางวัลด้านการแสดงในสาขานักแสดงนำจาก 6 สถาบัน จากผลงานภาพยนตร์เรื่อง แฮปปี้เบิร์ธเดย์
ทางด้านธุรกิจ ได้ร่วมทำธุรกิจกับ ตั้งบริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่น รับทำงานอีเวนต์เกี่ยวกับงานศิลปะ อีกทั้งยังเคยมีธุรกิจร้านอาหารกึ่งผับกึ่งรีสอร์ตที่เกาะเสม็ด (ปิดไปแล้ว) อนันดายังได้ร่วมลงทุน รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโฆษณาจักรยานยนต์ ซูซูกิ รุ่น “มาโช โชกุน 125” และเป๊ปซี่ แม็กซ์
อนันดา เกิดในประเทศไทย เป็นลูกชายของ จอห์น เอเวอริงแฮม ช่างภาพชาวออสเตรเลีย กับ แก้ว สิริสมพร หญิงชาวลาว ที่เคยสร้างตำนานรักข้ามโขงที่ฮือฮาในอดีต เมื่อจอห์นว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงพาแก้วข้ามมาฝั่งไทย ในยุคที่ประเทศลาวกลายสภาพเป็นคอมมิวนิสต์เมื่อกว่า 30 ปีก่อน ปัจจุบันอนันดาถือสัญชาติไทย (เดิมถือสัญชาติออสเตรเลีย) เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจากนั้นกลับมาประเทศไทยเมื่ออายุได้ 9 ปี เข้าศึกษาที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา และกลับไปบริสเบนระหว่างปิดเทอมที่ประเทศไทย สมัยเด็กๆ เป็นคนดื้อมาก เรียนหนังสือเก่งแต่ไม่ยอมเรียน จนเมื่ออายุได้ 13-14 ปี โดนไล่ออกจากโรงเรียน ทำให้คุณพ่อต้องการดัดนิสัยโดยจะส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่ประเทศอินเดีย แต่มีวันหนึ่งขณะรอเดินทางไป อนันดาได้ช่วยงานร้านอาหารอินเดียชื่อ “หิมาลัย ชา ช่า” ที่คุณพ่อเปิดอยู่ย่านสุริวงศ์ ได้พบคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เข้ามาเรียกแล้วถามตรงๆ ว่าอยากเป็นดาราหรือเปล่า และด้วยความที่ไม่อยากไปอินเดียจึงตอบตกลง คุณมิ่งขวัญจึงคุยกับพ่อ อนันดาจึงเข้าสู่วงการบันเทิงโดยเริ่มงานกับแกรมมี่ เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ จากนั้นก็ได้มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ อันดากับฟ้าใส
ภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่อง อันดากับฟ้าใส กำกับโดยหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล แสดงร่วมกับ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง และ สินจัย เปล่งพานิช ในตอนนั้นอนันดายังพูดภาษาไทยไม่ได้เลย แต่อนันดาก็เล่าถึงตัวเองว่า ผมเข้าใจภาษาไทยนะ แต่ว่าไม่ได้ใช้และเพื่อนฝูงเป็นฝรั่งหมด หลังจากนั้นอนันดาก็มีงานเข้ามาเรื่อย และเป็นที่รู้จัก แต่ด้วยความเป็นคนรักในการท่องเที่ยว จึงหายไปจากวงการช่วงหนึ่ง
หลังจากห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานร่วม 3 ปีอนันดาก็หวนกลับเข้าวงการอีกครั้งหนึ่งกับละครของ หม่อมน้อย ในเรื่อง "ทะเลฤๅอิ่ม" ส่วนเรื่องการเรียน อนันดาเรียนแบบโฮมสตัดดี้ จากนั้นมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง คนสั่งผี ตามมาด้วย ภาพยนตร์เรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทำรายได้สูงมากเป็นประวัติการณ์ ด้วยรายได้ 120 ล้านบาท อนันดาออกมาพูดภายหลังเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ชัตเตอร์ก็มีผลต่อเราค่อนข้างมากนะ จะเรียกว่าเป็นหนังแจ้งเกิดอีกรอบหนึ่งก็ได้...แต่ก่อน ที่เล่นหนังป็อปๆ ที่เป็นป็อปไอดอล...งานที่เข้ามาหลังจากนั้นก็แตกต่างเยอะ ด้านการแสดงก็คิดว่าเป็นสเต็ปแรกที่ทำให้เรากว้างไปสู่งานที่มีเนื้อหาที่โตขึ้น" จากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดสสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม หลังจากนั้นอนันดาได้แสดงภาพยนตร์ เรื่อง Me Myself ขอให้รักจงเจริญ กำกับโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ในภาพยนตร์เรื่องนี้เขารับบทเป็นกะเทยชีวิตรันทด โดยได้ไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมกับ หม่อมน้อย ให้รู้จักใช้ร่างกาย "หม่อมน้อยไม่ได้สอนให้ผมเป็นผู้หญิง หรือว่าทำตัวให้เป็นกะเทย" ในส่วนคำวิจารณ์การแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังสือพิมพ์ข่าวสดวิจารณ์ไว้ว่า "ด้วยลักษณะตัวละครที่ค่อนข้างซับซ้อน มีปัญหาทั้งทางด้านความทรงจำ ความเป็นชายและหญิง และปัญหาทางด้านความรัก ทำให้ตัวละครที่อนันดารับบท เป็นตัวละครที่เล่นยาก (คือถ้าเล่นเป็นกะเทยไปเลยทั้งเรื่องคงไม่ยากเท่านี้) แต่อนันดาก็สามารถสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวนั้นได้อย่างเข้าถึงและน่าเชื่อในทุกมิติ"
ภาพยนตร์เรื่องถัดมาคือ พลอย ออกฉายในปี 2550 กำกับโดย เป็นเอก รัตนเรือง ซึ่งอนันดาเคยร่วมงานกับเป็นเอก มาแล้วกับภาพยนตร์สั้น เรื่อง Twelve Twenty ในภาพยนตร์เรื่องนี้อนันดารับบทเป็นนัท บาร์เทนเดอร์หนุ่ม ที่มีบทพูดเพียงประโยคเดียวในเรื่องคือ “ เด็กมันติดยา ครับพี่” นอกนั้นเป็นบทเลิฟซีนกับ พรทิพย์ ปาปะนัย ต่อมาเขายังได้รับเลือกให้เป็น นักแสดงดาวรุ่งที่มีศักยภาพสูง และกำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในเอเชีย หรือ สตาร์ ซัมมิท เอเซีย ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน และอนันดาก็ได้แสดงในภาพยนตร์นอกกระแส อย่าง ดึกแล้วคุณขา ที่อนันดาไม่รับค่าตัวและช่วยออกเงินทำภาพยนตร์ และปลายปี 2550 อนันดามีผลงานภาพยนตร์เรื่อง Pleasure Factory หรือ Kuaile Gongchang ของเอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้กำกับ Beautiful Boxer เป็นโปรเจกต์หนังนานาชาติของเอกชัย ที่มีดารานำคือ หยางกุ้ยเหมยจากไต้หวัน ซึ่งการถ่ายทำ ถ่ายที่ประเทศสิงคโปร์ทั้งเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่แคนาดา ณ เทศกาลภาพยนตร์โลกกรุงมอนทรีอัล และยังได้รับเลือกให้เข้าฉายใน สาย Midnight Passion ณ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงปูซานครั้งที่ 12 ด้วย
ในช่วงระหว่างปี 2550 - 2551 อนันดามีผลงานการแสดงภาพยนตร์ถึง 10 เรื่อง โดยเริ่มรับแสดงเรื่อง The Coffin ตั้งแต่ปี 2548 และต่อด้วย ปืนใหญ่จอมสลัด แต่เนื่องจากรอเปิดกล้องอยู่นานไม่ได้ถ่ายทำ จึงไปรับถ่ายเรื่อง The Leap Years ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำนานกว่า 3 ปี เป็นภาพยนตร์สิงคโปร์ที่สร้างจากนิยายรักเรื่อง “Leap of Love” ของนักเขียนชาวสิงคโปร์ชื่อดัง แคทเธอรีน ลิม ในสิงคโปร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับที่ดี
ในปี พ.ศ. 2551 นี้ อนันดาได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง เมมโมรี่ รัก...หลอน แสดงคู่กับ ใหม่ เจริญปุระ โดยอนันดารับบทเป็น กฤช มีอาชีพเป็นจิตแพทย์ อนันดาได้พูดถึงตัวละครนี้ว่า "หมอกฤชเป็นจิตแพทย์ที่มีปัญหา เป็นจิตแพทย์ที่ควรจะพบจิตแพทย์เสียเอง" ต่อมาอนันดามีผลงาน แสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง สะบายดี หลวงพะบาง เป็นภาพยนตร์เอกชนลาวเรื่องแรกในรอบ 33 ปี โดยได้ผู้กำกับไทย ศักดิ์ชาย ดีนาน และผู้กำกับลาว อนุสอน สิริสักดา โดยครั้งแรกที่ได้รับการติดต่อมาเพื่อแสดงในเรื่องนี้ แต่เมื่ออ่านบทและทำการถ่ายทำได้สักพักจึงตัดสินใจหาเงินระดมทุนสร้างกว่า 10 ล้านบาท รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์เรื่อง โลงต่อตาย (The Coffin) ภาพยนตร์ร่วมทุนไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง กำกับโดยและเขียนบทโดยเอกชัย เอื้อครองธรรม ที่ได้รับรางวัล Best Project และเงินรางวัลจากกองทุน Hubert Bal ในงาน HAF ฮ่องกง เอเชี่ยน ไฟแนนซ์เชี่ยล ฟอรัม โดยอนันดาร่วมแสดงกับ นภคปภา นาคประสิทธิ์, คาเรน ม็อค นักแสดงชาวฮ่องกง, อะกิ ชิบูย่า นักแสดงชาวญี่ปุ่น และ แอนดรูว์ ลินน์ นักแสดงชาวฮ่องกง ภาพยนตร์เรื่องนี้อนันดารับบทเป็น คริส สถาปนิก ที่กลัวความแคบอย่างรุนแรง แต่มานอนโลงเพื่อสะเดาะห์เคราะห์ให้แฟนชาวญี่ปุ่นที่ป่วยเข้าขั้นโคม่า ในบทบาทของ "คริส" อภินันท์ บุญเรืองพะเนา จากผู้จัดการออนไลน์วิจารณ์ว่า "บทของคริสก็คืออีกหนึ่งบทบาทซึ่งขับรัศมีแห่งความเป็นนักแสดงมืออาชีพในตัวของอนันดาออกมาให้คนดูได้เห็นอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้นอีก" ต่อมาในภาพยนตร์เรื่อง ปืนใหญ่จอมสลัด ภาพยนตร์ทุนสร้างสูงแนวแอกชัน-แฟนตาซี เขารับบทเป็นปารี ชาวเล ผู้มีวิชาดูหลำ สามารถบังคับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ โดยนนทรีย์ นิมิบุตรและเอก เอี่ยมชื่นได้กล่าวว่าออกแบบตัวละครตัวนี้จากตัวอนันดา ซึ่งเขาก็สงสัยว่าคล้ายกับเขาตอนไหน
อนันดาและฉายนันท์ มโนมัยสันติภาพ กลับมาแสดงร่วมกันอีกครั้งใน แฮปปี้เบิร์ธเดย์ หลังจากเจอกันใน Me Myself ขอให้รักจงเจริญ กับผู้กำกับคนเดิม พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ซึ่งเขาส่งอนันดาและฉายนันท์เข้าไปพัฒนาการแสดงกับหม่อมน้อย ที่อนันดาเคยแสดงในภาพยนตร์กำกับโดยหม่อมน้อยใน อันดากับฟ้าใส หม่อมน้อยพูดถึงอนันดาว่า "ถามว่าอนันดาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านการแสดงมั๊ย ก็ตอบเลยว่าไม่ แต่ว่ามีความมานะ มีความพยายาม แล้วก็ขัดเกลาตัวเองอยู่เสมอ ทำให้ฝีมือการแสดงของเขาขึ้นไปทีละขั้นช้า ๆ แต่มั่นคง..." ซึ่งการแสดงของอนันดาเรื่องนี้ก็ได้รับคำชมว่า "อนันดาในหนังเรื่องนี้ “บทเด่น” และ “เล่นดี” มากจนหาที่ตำหนิไม่เจอ" จากผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้อนันดาได้รับรางวัลในสาขานักแสดงนำจาก 4 สถาบันรางวัล
อนันดามีส่วนร่วมในโครงการภาพยนตร์ เสน่ห์กรุงเทพ ที่เป็นโครงการภาพยนตร์สั้นถ่ายทอดจากผู้กำกับ 9 คน โดยอนันดาแสดงในตอน "Bangkok Blues" กำกับโดย อาทิตย์ อัสสรัตน์ ในปี พ.ศ. 2553 เขายังได้กลับมาร่วมงานแสดงภาพยนตร์ในการกำกับของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุลอีกครั้งในเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย ร่วมแสดงกับ เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ เป็นภาพยนตร์ย้อนยุคกลับไปในปี พ.ศ. 2476 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยาม 1 ปี ในปีเดียวกันเขาแสดงในภาพยนตร์ทุนสร้างสูง 150 ล้านบาทเรื่อง อินทรีแดง ในบทบาท อินทรีแดง จากบทบาทนี้ รัชชพร เหล่าวานิช นักวิจารณ์เห็นว่า บทบาทนี้อยู่แค่สอบผ่าน เพราะไม่มีรังสอำมหิต
อนันดาเป็นลูกครี่ง ออสเตรเลีย-ลาว มีคุณพ่อชื่อ จอห์น เอเวอริงแฮม เป็นนักข่าวออสเตรเลีย สมัยสงครามเวียดนาม ได้สร้างวีรกรรมดังไปทั่วโลก ด้วยการไปดำน้ำใช้แท็งก์หรือ สกุ๊ปบ้า ไดร์ฟวิ่ง พาแม่ของอนันดาที่ชื่อว่า แก้ว สิริสมพร หนีข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่งลาวมาอยู่ฝั่งไทย และเรื่องราวของทั้งคู่เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ฮอลลีวูดขอซื้อลิขสิทธิ์ทำหนังเรื่อง Love Is Forever ในปี พ.ศ. 2526 นำแสดงโดย ไมเคิล แลงดอน, มอยรา เชน,เจอร์เกน โพรชนาว และเอ็ดเวิร์ด วูดวาร์ด กำกับโดย ฮอลล์ บาร์ตเล็ตต์ หลังจากนั้นทั้งคู่หย่าร้างกันในปี พ.ศ. 2540 จอห์นแต่งงานใหม่และมีลูกชื่อ เชสเตอร์ เจย์ เอเวอริงแฮม และ ซีนิธ ลี เอเวอริงแฮม ปัจจุบันจอห์นทำนิตยสารภาษาอังกฤษ ส่วนแก้วสิริทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าไทย ทางด้านชีวิตครอบครัว อนันดาเล่าว่า "ถูกเลี้ยงมาแบบอิสระมาก ๆ ปล่อยให้เราอิสระมาก ๆ คืออย่างจะทำอะไรก็ไปทำซะ ให้เราค้นหาเอาเอง" โครงการสำหรับครอบครัว คือซื้อบ้าน เนื่องจากตั้งแต่เด็กมาไม่เคยซื้อบ้าน มีแต่บ้านเช่า จึงอยากซื้อบ้านอาจเป็นที่เชียงใหม่หรือกรุงเทพเพื่อเป็นศูนย์รวมของครอบครัว
อนันดามีข่าวคบหากับ จี๊ด แสงทอง เกตุอู่ทอง และยอมรับว่าอยู่ด้วยกัน ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "เราไม่พยายามหลอกคน คือทั้งผมและจี๊ดรับผิดชอบตัวเองได้ เราตรงไปตรงมา เราก็รักกันคบกัน ถึงจุดจุดหนึ่งก็อยู่ด้วยกัน" แต่ท้ายสุด ในเดือนมกราคม 2553 ทั้งคู่ก็ออกมายอมรับว่าเลิกกัน หลังคบกันมานาน 4 ปี ต่อมาได้คบหากับโดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล หลังจากคบหาดูใจกันมาได้ถึง 2 ปี ได้เลิกกันช่วงกลางปี พ.ศ. 2556
เรื่องความสนใจส่วนตัว ด้วยเพราะพ่อของเขาเป็นช่างภาพ เขาเริ่มถ่ายรูปพ่อของเขาตั้งแต่ยังเด็กด้วยกล้อง Nikon FM2 และเขามีความสนใจอยากจะทำงานเบื้องหลัง คืออยากเป็นตากล้อง เพราะมีพื้นฐานทางนี้มาก่อน ในช่วงที่ถ่ายทำหนัง อนันดามีความรู้สึกอยากอยู่ใกล้กล้อง จึงวิเคราะห์ตัวเองว่าคงชอบในจุดนี้ ภาพยนตร์ที่อนันดาชอบดู หลายคนคงคิดว่าอนันดาชอบดูหนังอาร์ตที่เข้าใจยาก แต่เขาดูหนังได้ทุกประเภท เขาเสริมว่า "ภาพยนตร์ที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นภาพยนตร์ที่ดูไม่รู้เรื่อง"
ส่วนความสนใจตั้งแต่เด็ก คือ อยากเป็นนักชีววิทยาทางทะเล ชอบดำน้ำ ชอบทะเล และยังมีโครงการอีกหลายโครงการเช่น เรื่องการเรียน เรื่องธุรกิจ ส่วนในยามว่างอนันดาชอบการท่องเที่ยว เคยขี่มอเตอร์ไซค์ไปประเทศลาวกับ กมล สุโกศล แคลปป์ มาแล้ว สถานที่อนันดาหลงใหลมากคือที่ประเทศเนปาล
นักแสดงที่อนันดาชื่นชอบในบทบาทการแสดงคือ เจฟฟรีย์ รัช, แกรี โอลด์แมน, จอห์นนี เด็ปป์, แดเนียล เดย์-ลูอิส และ เคต วินสเลต เขายังชื่นชมนักแสดงฮอลลีวูดในตำนานอย่าง ออเดรย์ เฮปเบิร์น และ ฮัมฟรีย์ โบการ์ต ผู้กำกับที่เขาชื่นชอบเช่น คลิ้นต์ อีสต์วูด, มาร์ติน สกอร์เซซี และ เปรโด อัลโมโดวาร์ อนันดาเป็นคนชอบฟังเพลงมาก โดยเฉพาะเพลงที่มีเสียงธรรมชาติ พวกทะเล ลม น้ำตก จำพวกเพลงแนวเวิลด์มิวสิก วงดนตรีที่เขาชอบฟังเช่น เดอะโรลลิงสโตนส์และเวลเวตอันเดอร์กราวด์ เขายังชอบอ่านหนังสือ Steppenwolf ของ แฮร์มันน์ เฮสเซอ
อนันดาเป็นคนมีโลกส่วนตัว เป็นคนตรงไป ตรงมา เกลียดการโกหก ไม่ชอบอยู่ในสถานที่ที่คนเยอะ และเป็นคนเครียด จากบุคลิกที่ไม่ปล่อยวางอะไรง่าย เขาเล่าว่าที่เขาคิดเยอะ เพราะมีเรื่องต้องรับผิดชอบเยอะ อีกทั้งชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นผลทำให้เป็นโรคนอนไม่หลับ ซึ่งอนันดาเคยไปปรึกษาจิตแพทย์มาแล้ว 2 ครั้ง ใน 4 ปี
อนันดาพูดถึงตัวเอง เกี่ยวกับการใช้เงินว่า ถึงแม้จะมีผลงานภาพยนตร์มาหลายเรื่อง แต่อนันดาก็บอกว่า "ตนเองใช้เงินเก่ง"
เอกชัย ผู้กำกับเรื่อง โลงต่อตาย พูดถึงอนันดาว่า "เขาทำงานง่าย เป็นคนที่แคร์กับคาแร็กเตอร์ เข้าใจว่าตัวละครตัวนี้ เลือดเนื้อวิญญาณของมันคืออะไร"
ในช่วงที่เข้าวงการใหม่ ๆ อนันดามีภาพลักษณ์ในลักษณะ "นักแสดงติสต์แตก" สาเหตุมาจากแรก ๆ เป็นคนคุยกับใครไม่ค่อยเป็น คุยไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ดูเป็นคนมีโลกส่วนตัว ไม่คบกับใคร แต่อนันดาเล่าว่า "ผมก็แคร์นะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อาจเพราะยังเด็กก็ได้" และอธิบายว่า "ผมว่า ติสท์ มันจะออกแนวไม่ค่อยเหตุผล แต่ชีวิตผมเป็นชีวิตที่มีเหตุผลค่อนข้างสูง ...ผมไม่ได้เข้าถึงยาก เพียงแต่ว่าถ้าอันไหนที่ผมคิดว่ามันถูกต้อง นี้คือสิ่งที่ผิด ผมก็จะยืนยันอย่างนั้น"
อนันดาถือเป็นบุคคลในวงการภาพยนตร์ไทย คนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าทุ่มเทให้กับการแสดงของตัวเองอย่างเต็มที่ หลายครั้งที่เขารับบทบาททางด้านการแสดงก็ต้องประสบกับความเครียดอันเนื่องจากความพยายามที่จะเข้าให้ถึงบทบาทและกลายเป็นตัวละครตัวนั้น อนันดายังเป็นคนที่เลือกบทและไม่คำนึงถึงเพียงค่าตัวในการแสดง แต่จะเลือกในงานที่น่าสนใจ รวมถึงการทำหนังเล็ก ๆ นอกกระแสอย่างหนังของ สันติ แต้พานิช เรื่อง ดึกแล้วคุณขา และ เรื่อง สะบายดี หลวงพระบาง และยังตั้งเป้า ผลักดันวงการหนังไทยให้ดีขึ้น "จุดหมายในตอนนี้ของผมคืออยากเอาหนังไทยไปให้ฝรั่งดู"
ในปี 2551 อนันดาได้รับรางวัลพระเอกภาพยนตร์ขวัญใจประชาชน ที่จัดขึ้นโดยนิตยสารทีวีพูล และยังได้รับรางวัลเซเวนทีนชอยส์แอ็กเตอร์ จากการแจกรางวัลของนิตยสารเซเวนทีน
ชื่อเสียงของอนันดายังดังข้ามไปยังต่างประเทศ คาเรน ม็อก นักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกงที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง โลงต่อตาย ก็รู้ว่าเขามีชื่อเสียง ส่วนอากิ ชิบูยะ นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่ร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ก็เล่าว่า "อนันดา เขาดังมากที่ญี่ปุ่น" นอกจากความโด่งดังแล้วยังมีดารานักแสดงชื่นชอบอนันดา คือ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ชอบวิธีการพูดจา การดำเนินชีวิต และแนวคิดของเขา
ทางด้านธุรกิจ ได้ร่วมกันทำธุรกิจกับผู้จัดการส่วนตัว พี่เจี๊ยบ นภัสริญญ์ พรหมพิลา ตั้งบริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่น จำกัดเปิดเมื่อวันที่20 มกราคม 2547 รับทำงานอีเวนต์เกี่ยวกับงานศิลปะ อีกทั้งยังเคยมีธุรกิจร้านอาหารกึ่งผับกึ่งรีสอร์ตที่เกาะเสม็ด (ปิดไปแล้ว) อนันดามีผลงานถ่ายภาพบันทึกเรื่องราวการเดินทาง โดยใช้ชื่อว่า “99 Days- Photobook กับ อนันดา เอเวอริงแฮม ” (โฟโต้บุ๊ก ไดอารี่ “99 วัน”)
อนันดาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโฆษณาจักรยานยนต์ ซูซูกิ รุ่น “มาโช โชกุน 125” และเป๊ปซี่ แม็กซ์ กับอีก 4 พรีเซนเตอร์ ด้วยแต่ละคนให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตและดูแลตัวเองในทุกๆ ด้าน โดยอนันดาเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงรสชาติเต็มที่ของเป๊ปซี่ แมกซ์ อนันดา ยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับโทรศัพท์มือถือโมโตโรล่า สำหรับผลิตภัณฑ์ตระกูล MOTORAZR อนันดาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์เม็ดอม ดับเบิ้ลมินต์ มินต์ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับผู้ชาย การ์นิเย่
ด้านงานช่วยเหลือสังคม ในปี 2551 อนันดา ได้เข้าร่วมกับเอ็มทีวี เอ็กซิท เป็นแอมบาสเดอร์ประจำประเทศไทย ให้ความรู้เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ด้านวงการวิทยุ อนันดา เอเวอริงแฮม ขึ้นแท่นบริหารนำทีม บริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่น จำกัด ร่วมมือกับบริษัท อินดิเพนเด้นท์ คอมมิวนิเคชั่น เนทเวิร์ค จำกัด บริหารคลื่น CLICK RADIO FM.102.5 CHIANG MAI ซึ่งได้เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 และได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา
ลือชัย นฤนาท • สุรสิทธิ์ สัตยวงษ์ • ทักษิณ แจ่มผล• มิตร ชัยบัญชา • จิตรกร สุนทรปักษิณ • ไชยา สุริยัน • ไชยา สุริยัน • ไชยา สุริยัน • สมบัติ เมทะนี • นาท ภูวนัย • สรพงศ์ ชาตรี • สรพงศ์ ชาตรี • จตุพล ภูอภิรมย์ • ล้อต๊อก • ปิยะ ตระกูลราษฎร์ • สรพงศ์ ชาตรี • อำพล ลำพูน • รณ ฤทธิชัย • บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ • ลิขิต เอกมงคล • สันติสุข พรหมศิริ • บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ • ฉัตรชัย เปล่งพานิช • ลิขิต เอกมงคล / สามารถ พยัคฆ์อรุณ • บิลลี่ โอแกน • สรพงศ์ ชาตรี • จอนนี่ แอนโฟเน่ • ธงไชย แมคอินไตย์ • สรพงศ์ ชาตรี • สัญญา คุณากร • อำพล ลำพูน • อำพล ลำพูน • บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ • สมชาย เข็มกลัด • ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ • ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ • ชาลี ไตรรัตน์ • เดวิด อัศวนนท์ • ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์